Review : Huawei P9 ที่สุดของสมาร์ทโฟนที่จะมาเปลี่ยนคำนิยามของ
การถ่ายภาพด้วยชื่อ Leica !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆกับ เฮียแม๊พ. TechXcite กันอีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนที่กำลังฮอตฮิตที่สุดในเวลานี้กับ Huawei P9 หลังจากที่ได้พรีวิวกันไปคร่าวๆแล้วในบทความก่อน ก็รู้สึกประทับใจหลายๆอย่างของเจ้ามือถือรุ่นนี้จริงๆ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวแบบเต็มให้ชมกัน มาลองดูกันดีกว่าว่ารุ่นนี้ดีสมชื่อของ Leicaและความเป็นรุ่นท็อปของ Huawei หรือไม่ !!
แกะกล่อง Huawei P9
มาดูตัวกล่องกันก่อนหน้ากล่องก็อย่างที่เห็นมีสกรีนชื่อ Huawei P9 อยู่ตรงกลางชัดๆ พร้อมกับจุดแดงสุดโดดเด่นพร้อมโลโก้ Leica และคำว่า Dual Camera
เปิดกล่องมาจะพบตัวเครื่องสุดงาม รอบนี้เราได้ตัวเครื่องสีทองมารีวิว สีที่มีวางขายในประเทศไทยจะมีสี ดำ-เทา , สีขาว และสีทองครับ
อุปกรณ์ด้านในจะถูกแพ็กไว้เป็นส่วนๆอย่างดี มีสาย USB Type-C , หูฟัง , อแดปเตอร์ชาร์จไฟ , คู่มือการใช้งานและเคสใส
การดีไซน์ของ Huawei P9
หน้าตาโดยรวมคงได้เห็นกันมาบ้างแล้ว ตอนที่พรีวิวตัวเครื่องเป็นสี Space Gray หรือสีดำ-เทา เลยเห็นว่าค่อนข้างคล้ายเดิม แต่พอมาลองจับเครื่องสีทองก็รู้สึกว่้าสวยไปอีกแบบ ด้านหน้าก็จะเป็นสีทองตามด้านหลังด้วย กระจกด้านหน้าเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 2.5D ส่วนตัวชอบมากเพราะมันทำให้น่าสัมผัสจริงๆ (แต่เรื่องติดฟิล์มคงหาแบบเต็มจอยากในช่วงแรกๆตามสไตล์จอแบบนี้ล่ะครับ)
หน้าจอของ Huawei P9 เป็นแบบ IPS ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด Full-HD การแสดงผลเรียกว่าทำได้ดีมาก แสดงผลสีขาวได้ขาวจริงๆ ไม่อมเหลือง ส่วนเรื่องสีสันสวยงามเลยล่ะ
ด้วยขนาดหน้าจอที่ไม่ใหญ่มาก เลยทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัดพอดีมือเอามากๆ รุ่นนี้มาพร้อมสัดส่วนที่ 70.9 x 145 x 7 มม. ใช่่ครับ บางเพียง 7 มม. แถมยังเบาเพียง 144 กรัมเองด้วย
ตัวเครื่องใช้วัสดุแบบ Metal-Unibody กรอบเครื่องก็เป็นโลหะไปด้วย มีการตัดขอบมุมแบบ Diamond Cut ที่รอบนี้คิดว่าทำได้ดีมาก เพราะไม่ค่อยเป็นรอยขนแมวแบบรุ่นก่อนๆแล้ว ปุ่มกดอยู่ที่มุมขวาของตัวเครื่อง ปุ่ม Power มีการทำ Texture ต่างไปจากปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่เรียบๆ ทำให้สัมผัสตำแหน่งของปุ่มได้ง่ายขึ้นครับ
Huawei P9 รุ่นที่วางขายในไทยนั้นจะเป็นรุ่น 2 ซิม ซึ่งจะใช่ถาดซิมแบบไฮบริด ให้เลือกได้ว่าจะใช้แบบซิมเดียว 1 เม็ม หรือใช้งานเป็น 2 ซิมไปเลยก็ได้ครับ
พอร์ทการเชื่อมต่อต่างๆอยู่ด้านล่างทั้งพอร์ทหูฟัง 3.5 มม. , พอร์ท USB Type-C ไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ด้านบนจะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
พลิกกลับมาด้านหลังของตัวเครื่องก็จะพบกับไฮไลทฺของรุ่นนี้คือกล้องคู่ที่รุ่นนี้ Huawei ได้ร่วมมือกับทาง Leica พัฒนาขึ้นมา มีไฟแฟลช 2 แบบ Dual-Tone Laser-Aotofocus และสกรีนคำว่า Leica สวยๆอยู่ตรงมุมขวานี้ด้วย ตัวกรอบตรงนี้ก็จะเปลี่ยนไปตามสีเครื่องด้วย อย่างสีทองนี้ก็จะเป็นสีทอง ถ้าอย่างบนสีเทาตรงนี้จะเป็นสีดำครับ ส่วนถัดลงมากรอบสี่เหลี่ยมนั่นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือครับ
สเปค Huawei P9
มาต่อที่สเปคกันบ้าง รุ่นนี้ดูเหมือนว่าจะเด่นแค่กล้อง แต่ที่จริงแล้วในสเปคภายในก็ไม่ได้น้อยหน้าแบรนด์อื่นๆเลย เพราะมาพร้อมชิปเซ็ต Kirin 955 ตัวล่าสุดของทาง Huawei เอง แรม 3GB แบตเตอรี่ 3,000 mAh เป็นต้น
- รัน Android 6.0 Marshmallow ครอบด้วย Emotion UI 4.1
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.2 นิ้วความละเอียด Full-HD
- หน่วยประมวลผล HiSilicon Kirin 955 Octa-Core 2.5GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T880 MP4 GPU
- แรม 3GB
- รอม 32GB
- แบตเตอรี่ 3000 mAh
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- รองรับ 2 ซิม
- ขนาดตัวเครื่อง 145×70.9×7 มม.
- น้ำหนัก 144 กรัม
ประสิทธิภาพของ Huawei P9
อย่างที่เห็นว่าสเปคของ P9 นั้นถือว่าสูงเทียบเท่ากับเรือธงแบรนด์อื่นได้เลยทีเดียว ซึ่งเราก็จะมาวัดประสิทธิภาพผ่านแอป AnTuTu Benchmark เพื่อให้เห็นเป็นภาพคร่าวๆกัน โดยผลคะแนนก็ออกมาที่ 94,616 คะแนนเลยทีเดียว !
ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์เบื่องต้น
หลังจากที่ทาง Huawei ได้ผลิต Nexus 6P ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวใหม่ๆที่เปิดตัวมาก็มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ตัวล่าสุดเลยด้วย (อันนี้ข้อดีของแบรนด์ที่ได้ผลิต Nexus จริงๆ) รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow เลย แต่มีการครอบ UI ด้วย Emotion UI 4.1 ทับไปอีกที
หน้าตา UI ก็จะคล้ายๆกับรุ่นก่อนๆ แต่รอบนี้ก็มีการปรับตัว UI ให้เข้ากับสีตัวเครื่องมากขึ้นด้วย อย่างรอบนี้เครื่องสีทองก็จะเห็นว่าทั้ง Theme หรือ Wallpaper ก็จะจัดเป็นสีทองคุมโทนมาให้หมด ส่วนถ้าเครื่องสีเทาก็จะเป็นแนวปกติคือไอคอนเป็นสีๆไป ตัว UI ไม่มีหน้า App Drawer ทุกแอปที่โหลดหรือติดมาก็จะอยู่ในหน้า Home Screen นี้ทั้งหมดครับ
แต่น่าเสียดายที่ตัว UI นั้นจะไม่มีตัวเลขการแจ้งเตือนแสดง อย่างพวกแอป SocialFacebook , Twitter หรือ LINE ก็จะเป็นไอคอนเฉยๆ
การตั้งค่าหน้า Home เราสามารถตั้งค่าได้จากการแตะที่หน้าจอค้าง หรือจีบนิ้วเข้าหากัน ตรงนี้จะมีให้เลือกปรับพวกWallpaper , Widget , Transitions (อนิเมชั่นการเลื่อนหน้าจอ) , More Settings (การตั้งค่าอื่นๆ อาทิ เลย์เอ้าท์ของไอคอน , การจัดเรียงไอคอน)
แถบ Notification Bar ด้านบนจะแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลักๆคือ Notification (การแจ้งเตือนต่างๆ) และ Shortcuts (ทางลัดต่างๆ อาทิ เปิด-ปิด Wi-Fi , เปิด-ปิด Bluetooth , เปิดไฟฉาย เป็นต้น) ตรง Shortcut นี้เราสามารถตั้งค่าได้เพิ่มเติมโดยการกด Edit (เมนูจะซ่อนอยู่ตรงล่างของของ Toggle)
มีแอปเครื่องมือต่างๆมาให้ใช้แบบครบครันอาทิไฟฉาย , เครื่องคิดเลข , วิทยุ FM , กระจก (Mirror) , เครื่องอัดเสียงเป็นต้นไม่ต้องไปหาโหลดเพิ่มเวลาจำเป็นจริงๆก็เข้ามาหาได้จากโฟลเดอร์ Tools ได้เลยครับผม
Theme Center ก็มีมาให้ด้วย เลือกดาวน์โหลดกันได้อย่างจุใจเลยล่ะ
แอป Phone Manager ช่วยในการจัดการตัวระบบของตัวเครื่องทั้งการเคลียร์แอปที่ไม่จำเป็นและกินพลังงานแบตฯของตัวเครื่องเพียงแค่กดสแกนทีเดียวตัวแอปจะจัดการมให้หมดหรือจะเป็นการจัดการด้านอื่นๆอย่างการประหยัดพลังงาน , จัดการระบบ Data อินเทอร์เน็ตเป็นต้นฮะ
Gesture และ Motion Control
ลูกเล่นพวก Motion Control ของ P9 ก็ใส่มาให้บ้าง ถึงจะไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ก็ดูใช้งานได้จริง อย่างการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า , คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงการปลุก , ลดเสียงเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเวลามีสายเข้า หรือจะเป็นการยก เป็นต้น ตรงนี้เราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Smart Assistance > Motion Control ครับ
Knuckle Geatures ฟีเจอร์อย่างการใช้ข้อนิ้วมาใช้ในการจับภาพหน้าจอที่ใส่มาตั้งแต่ Huawei P8 ก็ยังคงส่งต่อมาที่ P9 ด้วยเช่นกัน โดยเข้่าไปเปิดการตั้งค่าได้ที่ Settings > Smart Assistance > Motion Control> Knuckle Geatures
One Hand Operation จริงๆก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้บน Huawei P9 สักเท่าไหร่ ด้วยขนาดตัวเครื่องที่ไม่ได้ใหญ่มากมายอะไร การใช้งานมือเดียวก็ทำได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ถนัดจริงๆทาง Huawei ก็ใส่มาให้ด้วย โดยการใช้งานก็เพียงเลื่อน Navigation Bar (แถบ 3 ปุ่มด้านล่าง) ไปซ้ายหรือขวาเท่านี้น่าจนก็จะย่อเล็กลงไปแล้ว ตั้งค่าได้ที่ Settings > Smart Assistance > One-Hand UI
ปลดล็อครวดเร็วไปกับ Fingerprint Scanner
เป็นหนึ่งจุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาจากตอน Huawei P8 นั่นก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกเพิ่มเข้ามาตรงด้านหลังของตัวเครื่อง โดยจุดเด่นก็คือสามารถสแกนลายนิ้วมือได้อย่างฉับไว แถมไม่ต้องมากดปุ่ม Power เพื่อปลุกจอก่อนด้วย ซึ่งการสแกนแบบนี้เรียกว่า Single-Touch Fingerprint Sensing นั่นเองฮะ
การทำงานด้านมัลติมีเดียของ Huawei P9
มาต่อในเรื่องของการทำงานด้านมัลดีมีเดียกันบ้าง เริ่มด้านการเล่นเกมกันก่อนเลย อย่างที่ทราบว่าชิปเซ็ต Kirin ของ Huawei นั้นมีความเร็วแรงไม่แพ้คู่แข่งกันเลย ส่วน GPU ก็ใช้มาเป็น Mali-T880MP4 เท่าที่ลองเล่นเกมใหญ่อย่าง Injustice , Real Boxing 2 ก็เอาอยู่ครับเล่นได้ลื่นไหล ภาพกราฟิกสวยงามทีเดียว
ต่อด้วยเรื่องของการดูไฟล์วิดีโอ ด้วยขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้วความละเอียด Full-HD อาจจะดูไม่ได้ใหญ่มาก แบบรุ่นอื่นๆแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์พอเหมาะ ดูไฟ์วิดีโอได้เยี่ยม การแสดงผลอย่างที่บอกว่าพอเป็น IPS ก็แสดงสีได้สมจริง สีขาวก็ดูขาวเนียนทีเดียว
ส่วนเรื่องของเสียงนั้นรุ่นนี้จะให้ลำโพงหลักอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง เสียงที่ได้ก็ดังและมีมิติทีเดียวล่ะ
Huawei P9 กับกล้องคู่ที่มีชื่อ Leicaร่วมด้วย
ถึงคราวไฮไลท์ของรุ่นนี้อย่างเรื่องกล้องถ่ายภาพกันแล้ว อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่ารุ่นนี้นั้นจุดเด่นจริงๆคือเรื่องกล้องคู่ที่ได้ทาง Leica มาร่วมพัฒนาโดยตัวเลนส์ 2 ตัวที่ด้านหลังนี้โดยจะมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซลทั้ง 2 เลนส์ ไม่ใช่เลนส์ละ 6 ล้านพิกเซลนะ
การทำงานของเลนส์คู่นั้นจะแยกกันไปชัดเจนครับ คือเลนส์ตัวซ้ายที่เป็น Monochrome จะถูกเปิดใช้ตอนถ่ายโหมด Monochrome และช่วงจับระยะในโหมด Wide Aperture ส่วนเลนส์ตัวขวาที่เป็นภาพสีก็จะใช้ตอนภาพโหมดปกติและโหมดอื่นๆ
อย่างที่บอกว่าเลนส์ตัวแรกนั้นมีหน้าที่ทำงานในโหมด Monochrome และใช้วัดระยะ เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้โหมด Wide Aperture หรือฟีเจอร์หน้าชัดหลังเบลอแล้วปรับรูรับแสงได้ตามต้องการนั้นจำเป็นต้องใช้งานเลนส์คู่ทั้ง 2 ตัวในการประมวลผล ซึ่งในโหมดนี้ตัวแอปจะโชว์ความสามารถของการเบลอได้อย่าง Real-Time แล้วต่างจากรุ่นก่อนๆที่ต้องถ่ายก่อนแล้วค่อยมาเลือกปรับ f/Stop ทีหลัง ซึ่งบน P9 นี้ก็ยังสามารถปรับค่า f/Stop ได้ตั้งแต่ 16-0.95 อยู่ (ตรงนี้ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยนะจ๊ะ)
Huawei P9 ได้ทาง Leica มาพัฒนาทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เลย เอาจริงหน้าตา UI ก็ออกแนว Leica จริงโหมด Pro ให้เลือกปรับค่าต่างๆคล้ายกัน ตัวหนังสือต่างๆตามสไตล์ Leica หรือแม้กระทั่งเสียงชัตเตอร์ยังเป็นของ Leica เลยนะ แชะ !
โหมดการถ่ายภาพของ Huawei P9 ก็มีมาให้เยอะพอสมควรมีโหมด Monochrome แยกมาให้เพื่อใช้ถ่ายภาพขาว-ดำที่สวยเนียนตามสไตล์ Leica โหมด Beauty , โหมด HDR , โหมดBeauty Video , โหมด Panorama , โหมด Night Shot , โหมด Light Painting , โหมด Time-Lapse และโหมด Watermark
ถ้าเลื่อนมาทางซ้ายก็จะพบการตั้งค่าทั่วๆไปแต่ที่น่าสนใขก็คือมี Film mode ให้เลือกด้วย ในนี้จะมีให้เลือก 3 โหมด หลักๆคือ Standard mode , vivid mode , smooth mode และยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในอัพเดทใหม่ (ตอนที่ทำพรีวิวยังไม่มี) คือ Watermarks ของทาง Huawei P9 และ Leica ด้วย โดยถ้าเลือก Automatically add Watermarks ก็จะมีลายน้ำอยู่ตรงมุมซ้ายล่างของภาพนั้นๆ (อันนี้เฉพาะกล้องหลังนะ) เอาเป็นว่าลองไปดูภาพถ่ายตัวอย่างของ Huawei P9 กันเลยดีกว่า
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Huawei P9 ในโหมด Auto จะเห็นได้ว่าสีสันที่ได้ออกแนวสมจริง คือจะไม่ได้สวยเว่อ สีสดอลังการ ตัว White Balance ทำได้ดีทีเดียว เรื่องการโฟกัสถือ่าทำได้รวดเร็วพอตัวแต่อาจจะไม่ได้ถึงขนาดปุ๊บปั๊บ
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Huawei P9 ในโหมด Monochrome รวมๆชอบโหมดนี้ของ P9 มาก เพราะด้วยความที่ Leica นั้นเป็นเจ้าตลาดในเรื่องของเลนส์ Monochrome พอจับมาอยู่บนสมาร์ทโฟนแบบนี้ก็ทำให้ยิ่งอยากจะลองถ่ายภาพแนวขาว-ดำสวยๆดู ซึ่งก็ตอบโจทย์คนที่อยากได้ภาพแนวคอนทราสสวยๆ ขาว-ดำที่สมจริงเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายของ Huawei P9 ในโหมด Wide Aperture ตัวโหมดนี้อาจจะดูเป็นหนึ่งจุดขาย แต่เอาเข้าจริงคิดว่ามันยังเป็น Gimmick เฉยๆ เพราะยังเห็นความไม่เนียนบ้างในบางภาพ แต่ก็พอใช้งานได้แก๋ๆอยู่ครับ
รวมๆแล้วประทับใจกับภาพถ่ายที่ได้จากกล้องหลังของ Huawei P9 มากๆ สีสันออกแนวสมจริง มากๆ โหมด Monochrome ก็ทำให้รักการถ่ายภาพแบบขาว-ดำไปเลยล่ะ และที่สำคัญพอมีลายน้ำคำว่า Huawei P9 และ Leica Dual Camera เข้าไปนี่ทำให้ภาพดูดีขึ้นกว่า 68.29% ตัวเลขนี่มั่วนะ 555 แต่ลายน้ำนี่ทำให้ดูดีขึ้นเยอะจริงๆ :P
กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล เซลฟี่สวยๆเนียนๆ
กล้องหลังจัดเต็มกันไปแล้ว ก็ถึงคราวของกล้องหน้ากันต่อ รุ่นนี้ก็ยังคงให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล โหมด Beauty ให้มาครบ ปรับระดับได้ตั้งแต่ 0-10 เลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าโหมด Beauty+3
การใช้งานแบตเตอรี่ของ Huawei P9
เพิ่มเติมอีกนิดกับเรื่องของแบตเตอรี่ บนรุ่นนี้ก็ให้ความจุแบตเตอรี่มาที่ 3,000 mAh ถือว่าเยอะพอสำหรับการใช้งานมือถือไซส์หน้าจอ 5.2 นิ้วนี่แล้วแหละ โดยทาง Huawei เคลมว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 1 วันกว่าๆสำหรับการใช้งานทั่วไป ส่วนการใช้งานหนักๆก็ใช้ได้ตลอด 1 วันแน่นอน และจากที่ลองใช้งานจริง ก็พบว่ามันอึดพอจะใช้งานได้ตลอดวันอย่างที่เขาว่าจริงๆครับ และรุ่นนี้ยังรอบรับระบบชาร์จไว Quick Charge อีกด้วย แต่ว่าหัวอแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่องไม่ได้ให้แบบ Quick Charge มานะจ๊ะ ><
ราคา 16,990 บาท
ปิดท้ายกันที่เรื่องของราคา Huawei P9 เปิดราคามาที่ 16,990 บาท ซึ่งถือว่าไม่แรงมากถ้าถือว่านี่คือเรือธงท่่เน้นกล้องถ่ายภาพ เพราะคู่แข่งในตลาดตอนนี้มักจะเปิดราคากันที่หมื่นปลายๆหรือ 2 หมื่นต้นๆ และถ้ามองจากสเปคและความสามารถถือว่า Huawei P9 นั้นทำราคาออกมาได้ดีทีเดียวเลยล่ะ
สรุปผลการทดสอบ
Huawei P9 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นการใช้งานด้านกล้องหลังเป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีกล้องที่ร่วมกันพัฒนากับทาง Leica แบรนด์กล้องชื่อดังทำให้ได้คุณภาพกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นและน่าสนใจ อีกทั้งดีไซน์และวัสดุโดยรวมก็สมกับเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง สเปคก็ไม่ได้เป็นรองเจ้าไหนๆในตลาดตอนนี้ รวมๆแล้ว Huawei P9 นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน และความลงตัวของสเปคและรูปลักษณ์ในราคาที่ไม่ถึง 2หมื่นบาทจริงๆครับ ;)
จุดเด่น
- "Leica"
- กล้องหลังคู่ความสามารถหลากหลาย คุณภาพดีเยี่ยม
- ดีไซน์สวยวัสดุงานประกอบระดับพรีเมี่ยม
- หน้าจอ IPS แสดงผลได้สวยงาม
- ระบบสแกนลายนิ้วมือทำได้รวดเร็ว
- รองรับ 2 ซิมด้วยถาดแบบไฮบริด
จุดสังเกต
- ตัว UI ไม่มีตัวเลขการแจ้งเตือนบนไอคอน
- รุ่น 2 ซิมที่วางขายในไทยไม่มี nfc มาให้
รีวิวโดย : เฮียแม๊พ. TechXcite